หน้าแรก

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ความเสื่อมของนักบวชศาสนาพุทธ

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภาค 5 รวบ 5 เจ้าอาวาสวัดดังเชียงใหม่และลำพูน หลอกลวงเด็กชายล่วงละเมิดทางเพศ ตระเวนเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพจัดปาร์ตี้มั่วตุ๋ยในวัด เตรียมเร่งขยายผลจับกุมเครือข่าย
      
       วันนี้ (27 พ.ค.) พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุม 6 ผู้ต้องหากระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นอดีตพระสงฆ์ มี 5 คนที่เป็นถึงเจ้าอาวาสวัดในเชียงใหม่ และลำพูน ได้แก่ อดีตพระธีรเดช สีลธโร เจ้าอาวาสวัดสันป่าสัก อ.แม่แตง อดีตพระครูปลัดเปี๊ยก โอภาโส เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย อ.แม่แตง อดีตพระเสาร์แก้ว เกี๋ยงหล้า เจ้าอาวาสวัดบุปผาราม อ.แม่ริม อดีตพระจำรัส อธิมุตโต เจ้าอาวาสวัดท่าผา อ.แม่แตง อดีตพระครูประภัศร์ วรการ เจ้าอาวาสวัดกู่ป่าลา อ.บ้านธิ จ.ลำพูน และอดีตพระชัย หรือนายธวัชชัย มูลปานันท์
      
       โดยที่ผู้ต้องหาทั้งหมดระหว่างที่ยังเป็นพระสงฆ์นั้นมีพฤติการณ์หลอกลวงเด็กชายอายุต่ำกว่า 15 ปีไปกระทำชำเราและล่วงละเมิดทางเพศ และการจับกุมสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลือเด็กชายอายุ 14 ปีคนหนึ่งได้ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เมื่อเดือนมิถุนายน 2556 แล้วสอบถามจนทราบว่าถูกอดีตพระชัย หรือนายธวัชชัย หลอกตนพร้อมเพื่อนเด็กชายอีกหลายคนไปตระเวนให้ผู้ต้องหาทั้งหมดล่วงละเมิดทางเพศตามวัดที่ผู้ต้องหาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ในลักษณะของการจัดปาร์ตี้
      
       ทั้งนี้ หลังจากได้รับข้อมูลจึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด พร้อมตรวจค้นภายในกุฏิที่พบ

ซีดีลามก
วัตถุลามก
วัตถุคล้ายอวัยวะเพศชาย
ขวดสุรา
เจลหล่อลื่น

ซึ่งเป็นพยานหลักฐานอันแสดงว่ามีการกระทำความผิดจริง จึงนำตัวไปสละสมณเพศ และดำเนินคดีตามกฎหมาย
      
       พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ โดยหนึ่งในจำนวนผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเกย์คิง จะหลอกลวงเด็กชายหลายรายไปกระทำชำเราตามวัดต่างๆ ในลักษณะจัดปาร์ตี้ที่มีการผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพทั้งที่ยังเป็นพระสงฆ์อยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรม และสืบสวนหาข้อมูลหลักฐาน จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ทั้งหมด
      
       ล่าสุดอยู่ระหว่างการสืบสวนหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม โดยเชื่อว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้น่าจะมีเครือข่ายที่ร่วมกันกระทำความผิดด้วย ซึ่งจะได้จับกุมต่อไป

ที่มา: http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000059027
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์27 พฤษภาคม 2557 14:11 น

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เราจะเข้าไปในสวรรค์ได้อย่างไร


ต้องทำอย่างไรจะได้เห็นอาณาจักรของพระเจ้า

พระ‍เยซู​กับ​นิโค‍เดมัส

 คืน​หนึ่งหัวหน้า​ชาว​ยิว​ชื่อ นิโค‍เดมัส เป็น​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​ฟา‍ริสี มา​หา​พระ‍เยซู​กล่าว​ว่า

"อา‍จารย์​ครับ เรา​ทราบ​ดี​ว่า​ท่าน​เป็น​ผู้​ที่​พระ‍เจ้า​ส่ง​มา เห็น​ได้​ว่า​ไม่​มี​ใคร​ทำการ​ใหญ่ยิ่ง​อย่าง​ที่​ท่าน​ทำ​นี้​ได้ นอก‌จาก​พระ‍เจ้า​สถิต​อยู่​กับ​เขา"

 พระ‍เยซู​กล่าวตอบ

"เชื่อ​เรา​เถอะ ไม่​มี​ใคร​เห็น​อาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ได้ นอกจาก​เขา​จะ​เกิด​ใหม่"

นิโค‍เดมัส​แย้ง​ว่า

"คน‌โตๆ แล้ว​จะ​กลับ​ไป​เกิด​ใหม่​ได้​อย่าง‍ไร เขา​จะ​กลับ​เข้า​ใน​ครรภ์​มารดา​ไป​เกิด​ใหม่​อีก​ได้​หรือ?"

พระ‍เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า
"เรา​ขอ​ยืนยัน​ว่า ผู้​ที่​จะ​เป็น​ประชากร​ของ​อาณาจักร​พระเจ้า จะ​ต้อง​เป็น​ผู้​ที่​เกิด​จาก​น้ำ​และ​พระ‍วิญญาณบริสุทธิ์ มนุษย์​ให้​กำเนิด​ได้​ก็​แต่​เพียง​ร่างกาย​มนุษย์ แต่​พระวิญญาณของพระเจ้า​จะ​ให้​

กำเนิด​ทาง​จิตใจ ฉะนั้น จง​อย่า​แปลกใจ​ไป​เลย​ที่​เรา​บอก​ท่าน​ว่า ทุกคน​จะ​ต้อง​เกิด​ใหม่ ลม​ย่อม​พัด​ไป​ตามใจ​ชอบ​ของ​มัน ท่าน​ได้​ยิน​เสียง​ลม‌พัด​ได้ แต่​ก็​ไม่​ทราบ​ว่า​เริ่มต้น​พัด​จาก​

ไหน​หรือ​จะ​พัด​ไป​สู่ ณ แห่งใด นี่​ก็​เช่น​เดียว​กัน ท่าน​ก็​บอก​ไม่ได้​เหมือนกัน​ว่า พระวิญญาณของพระเจ้า​ทำ​ให้​เขา​เกิด​ใหม่​ได้​อย่างไร"

"จะ​เป็น​ไป​ได้​อย่าง‍ไร​เล่า​ครับ" นิโค‍เดมัส​ถาม​ด้วย​ความ​ฉงน

พระ‍เยซู​กล่าว​ตอบ​ว่า

"ท่าน​เป็น​อา‍จารย์​ที่​มี​ชื่อเสียง​ใน​หมู่​ชาว​อิสรา‍เอล แต่​ยัง​ไม่​รู้​เรื่อง​เหล่านี้​อีก​หรือ?

เรา​ขอบ​อก​ความ​จริง​กับ​ท่าน​ว่า เรา​กำลัง​พูด​ถึง​เรื่อง​ที่​เรา​รู้ และ​บอก​ท่าน​ถึง​เรื่อง​ที่​เรา​ได้​เห็น แต่​กระนั้น​ก็​ยัง​ไม่​มี​ใคร​ใน​พวก​ท่าน​ยอมรับ​เรื่อง​ที่​เรา​บอก​ท่าน​นี้ ถ้า​ท่าน​ไม่​เชื่อ​เมื่อ​เรา​

พูด​ถึง​สิ่ง​ที่​เป็น​ไป​ใน​โลก​นี้​แล้ว ท่าน​จะ​เชื่อ​เมื่อ​เรา​พูด​ถึง​สิ่ง​ที่​เป็น​ไป​ใน​สวรรค์​ได้​อย่าง‍ไร​กัน ไม่​มี​ใคร​เข้า​สวรรค์​นอกจาก* บุตร​มนุษย์​ผู้​เสด็จ​มา​จาก​สวรรค์

โมเสส​ยก​เสา​ที่​มี​งู​ทองเหลือง​ขึ้น​ใน​ถิ่น​กัน‍ดาร​ฉัน​ใด ใน​ทำนอง​เดียว​กันบุตร​มนุษย์​จะ​ถูก​ยก​ขึ้น​ฉัน​นั้น (ถูกตรึงที่กางเขนเพื่อเป็นเครื่องไถ่บาปมวลมนุษย์) เพื่อ​ทุกคน​ที่​ไว้​วาง‌ใจ​

พระ‍องค์​จะ​ได้​รับ​ชีวิต​นิรันดร์

พระ‍เจ้า​ทรง​รัก​มนุษย์​ยิ่ง​นัก จึง​ได้​ประ‍ทาน​พระ‍บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ‍องค์ เพื่อ​ทุก‌คน​ที่​วาง‌ใจ​จะ​ไม่​ตาย แต่​มีชีวิต​นิรันดร์

พระ‍เจ้า​มิ​ได้​ทรง​ใช้​พระ‍บุตร​ของ​พระองค์​มา​ใน​โลก เพื่อ​พิพาก‍ษา​มวล​มนุษย์ แต่​ทรง​ใช้​มา​เพื่อ​จะ​ช่วย​เขา​ต่างหาก

ใคร​ก็​ตาม​ที่​ไว้​วาง‌ใจ​ใน​พระ‍บุตร​ของ​พระเจ้า​ก็​ไม่​ต้อง​ถูก​พิพาก‍ษา แต่​คน​ที่​ไม่​ไว้​วาง‌ใจ​ก็​ถูก​ลง‌โทษ​อยู่​แล้ว เนื่องจาก​เขา​ไม่​ไว้​วาง‌ใจ​พระ‍บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ‍เจ้า

หลัก​การ​พิพาก‍ษา​ลงโทษ​เป็น​อย่าง​นี้แหละ ความ​สว่าง​เข้า​มา​ใน​โลก​แล้ว แต่​มนุษย์​แสดง​ให้​เห็นว่า​เขา​รัก​ความ‌มืด​มาก‌กว่า​ความ​สว่าง เพราะ​ความ​ชั่ว​ที่​เขา​กระทำ​ลง​ไป คน​ที่​ทำ​ชั่ว​ย่อม​ชัง​ความ​สว่าง​และ​หลีก​ให้​พ้น​ความ​สว่าง ทั้งนี้​เพราะ​ความ​สว่าง​จะ​เปิดเผย​ให้​เห็น​ความ​ชั่วช้า​ที่​เขา​ทำ คนดี​ซื่อสัตย์​มา​สู่​ที่​สว่าง​เพื่อ​แสงสว่าง​จะ​ส่อง​ให้​เห็นว่า​เขา​ กระทำ​ดีเพราะ​เขาเชื่อฟัง​พระ‍เจ้า

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

 ชาวบ้านเวียตนามมาขอรับการรักษา
ด้วยฤทธิ์อำนาจในพระนามพระเยซูเจ้า
ในการไปหาประสบการณ์การปลดปล่อยในต่างแดนครั้งนี้ ก่อนถึงเมืองเว้ ทางรถยนต์ต้องผ่านเมืองชายแดนชื่อว่าเมืองเกซาน (Khe sanh) พวกเราได้พบกับพี่น้องชาวเวียตนามชนเผ่าบูลูที่เป็นคริสเตียน พวกเขาได้รับทราบข่าวที่เราฝากศิษย์ภิบาลคริสตจักรที่ เกซานไปบอก พวกเขาได้มาพบเราและรับฟังคำสอนและคำหนุนใจ หลังจากนั้นทีมของเราได้อธิษฐานเผื่อการป่วยของพวกเขา

ขอบคุณพระเจ้าพี่น้องที่มาขอรับคำอธิษฐานทั้งหมดได้รับการรักษาให้หายโรคทุกคน ยกเว้นคนที่มีวิญญาณรบกวนหนึ่งคน   ที่เราไม่มีเวลาเพียงพอที่จะอธิษฐานได้เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิด เพราะเราต้องรีบเดินทางต่อไป  อย่างไรก็ตามเราก็ได้ฝากความหวังไว้ว่าหากชายคนนั้นยังไม่หาย เราจะกลับมาอธิษฐานเผื่อเขาอีกครังในการเดินทางเที่ยวหน้า ที่เราไม่ได้ทำการรักษาเขาเนื่องจาก การขับผีบางทีต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง และต้องได้รับการอนุญาตจากญาติของคนป่วยด้วยว่า อนุญาตให้เราทำการอธิษฐาน

เพราะการอธิษฐานเผื่อคนที่ถูกวิญญาณรบกวนจนกลายเป็นคนวิกลจริต ต้องถูกล่ามโซ่ไว้ในบ้านไม่ใช่การปลดปล่อยที่สามารถทำกันได้ง่ายๆ  และการรักษาของเราก็ไม่ได้เรียกเก็บเงินแต่อย่างใด บางครั้งเมื่อเราวิเคราะห์ดูแล้วว่า จะไม่สามารถทำได้ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ เราก็จะไม่ทำเพราะคนอาจจะคิดว่า เราไม่สามารถทำได้

แท้จริงแล้ว ไม่มีโรคใดๆ เลยที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการอธิษฐานในพระนามพระเยซู  แม้แต่คนตายยังสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้  แต่เราจะทำในส่วนที่การเจิม และขนาดของฤทธิ์อำนาจที่พระเจ้าให้เราเท่านั้น  เรายังไม่เคยอธิษฐานให้คนง่อยเดินได้ เว้นแต่ เราอธิษฐานเผื่อโรคมะเร็ง  โรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคไซนัส  การปวดทุกอย่าง การเจ็บในช่องท้อง เดินไม่สะดวก โรคเกี่ยวกับตา ตาบอด  ตาฟาง หูหนวก อย่างไรก็ตามเราไม่เคยปฏิเสธที่จะอธิษฐานขอให้คนป่วยทุกชนิดหาย เพราะพระเจ้าประทานการเจิมอย่างไม่จำกัดอยู่แล้ว แต่ความเชื่อของเรายังพัฒนาไม่ถึงขั้นวางมือให้คนตายฟื้นเท่านั้น


วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

จำยอมรับเชื่อเพราะถูกท้าทาย(1)A Challenge to surrender to Jesus.

 เมื่อคุณป้าพันธ์ ได้รับการปลดปล่อยจากอาการปวดแข้งซ้าย


ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพื่อขอบคุณพระเยซูเจ้า
       ผมเพิ่งกลับจากการไปอธิษฐานปลดปล่อยผู้เจ็บป่วยและคนที่ได้รับการทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยที่ประเทศเวียตนาม ขากลับผมแวะไปเยี่ยมครอบครัวคุณหนุ่ม สมาชิกใหม่ของกลุ่ม เฟซบุ๊ค IDMC ผมได้อธิษฐานอวยพร คุณป้าพัน แกอยู่ที่ บ้านกุดบาด อำเภอกุดบาด จังหวัดสกลนคร ผมเดินทางไกลหลายชั่วโมงเพื่อไปเยี่ยมครอบครัวแห่งความเชื่อนี้ เพื่อหนุนใจให้เขาเข้มแข็งในความเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้าขอบคุณพี่น้องและกลุ่มผู้เชื่อที่ กุดบาด ขอให้ท่านเดินต่อไปอย่างมั่นคงกับพระเยซูคริสต์

เนื่องจากมีชายคนหนึ่ง ชื่อว่า คุณหนุ่มได้แวะเข้ามาอ่านเว็บบล็อคนี้เมื่อไม่นานมานี้  คุณหนุ่มได้เชิญให้ผมแวะไปอวยพร ครอบครัวและทีมงานที่กำลังจะจัดตั้งเป็นโฮมเชิร์ท อีกแห่งหนึ่ง ที่อำเภอกุดบาด 



ก่อนการประชุมนมัสการพระเจ้า ผมได้พบกับป้าคนในรูปด้านบนนี้ แกชื่อว่า ป้าพัน  แกยังไม่ได้รับเชื่อพระเยซู ผมได้พูดคุยและท้าทายป้าพันว่า ที่ป้าพันเจ็บแข็งเจ็บขา ได้รับความทรมานจากอาการนี้มานานพอควร แกกินยาทายาแล้วยังไม่หายดี หากพระเยซูช่วยรักษาให้หายผ่านการอธิษฐานของผม ป้าจะยอมรับพระเจ้าอย่างถาวรหรือไม่  ป้าพันลังเล ไตร่ตรองอยู่นานหลายนาที ในที่สุดแกก็ยอมรับการท้าทายของผม 

เยเย้(ลูกสาว) และผมช่วยกันอธิษฐานวางมือ ป้าพันก็ได้รับการรักษาในทันที แกดีใจที่ได้รับรู้ว่า มีพระที่สามารถช่วยแกได้จริง ผมจึงขอถ่ายภาพของป้าไว้ เพื่อนำมาหนุนใจคนป่วยที่ต้องการการรักษาด้วยคำอธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์ ว่า พระเยซูคริสต์คือพระเจ้าที่เป็นอยู่และสามารถช่วยทุกคนที่เข้ามาหาพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ  จริงใจ และมีสัจจะ 

การรักษาให้หายขาด คือความต้องการของผู้ป่วยทุกคน การหายโรคแบบนี้หาก คนป่วยไม่ยอมรับเชื่อพระเยซูอย่างถาวร  พอหายแล้วก็กลับไปกราบไหว้ ผี และวิญญาณที่สิ่งสู่ในที่ต่างๆ  คนป่วยก็จะกลับมาเป็นอีกอย่างแน่นอน แต่ถ้าคนใดเชื่อพระเยซูอย่างแท้จริง มีสัจจะ เลิกกราบไหว้วิญญาณ เขาก็จะหายขาดอย่างแน่นอน 

ดังนั้นหากคนใดที่ได้รับการอธิษฐานอวยพรในพระนามพระเยซูแล้วหายดี  หากท่านอยากหายดีตลอดไป วิธีเดียวที่ท่านจะมีสุขภาพดีและหายขาด คือให้หันกลับมาหาพระเจ้าและกลับใจใหม่อย่างแท้จริง

กลับไปหน้าแรก Home

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บันทึกผู้กล้า> เชื่อแล้วรับการปลดปล่อย Memorandum of a brave woman who comes to pray for deliverance



นี่คงเป็นบันทึกที่คงจะช่วยให้หลายๆ คน  ทั้งที่รู้จักพระเยซู คนไหว้เจ้า คนไหว้ต้นไม้ คนไหว้เทพ คนไหว้มังกร  และคนไม่เคยเชื่อพระเจ้าองค์ใดเลย มาอ่านแล้ว อาจเลียนแบบความกล้าหาญของน้องคนนี้ 
แต่ก่อนที่ท่านจะได้อ่าน ผมก็ขอให้อ่านจดหมายอีเมล์ของคนที่อ่านบล็อคของผมแล้วอยากหายบ้าง เขาว่าดังนี้
............................................................
From: tarpxxxx @hotmail.com
To: reewat@hotmail.com
Subject: สอบถามเรื่องวิญญาณร้าย
Date: Sun, 20 Feb 2011 16:36:16 +0700

พอดีได้อ่านบล๊อคในเว็ปคุณ ผมคริสเตียนครับ แต่ว่ามีปัญหาเรื่องฝันร้ายบ่อยๆแปลก ๆ อยากให้ช่วยติดต่อกลับที่เมลล์
หรือเบอร์โทรนี้ได้มั๊ยครับ ขอบคุณครับ ??-081-7723XXX

..............................................................

ช่วงก่อนหน้านี้ผมได้รับอีเมล์ประเภทนี้ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับDate: Mon, 31 Jan 2011 23:03:07 -0800
From: xxxetaixx@yahoo.com
Subject: ขอรับการช่วยเหลือ
To: reewat@hotmail.com


สวัสดีค่ะ ได้เข้าไปอ่านเรื่องราวจาก http://reewat.blogspot.com/ มีอาการป่วยที่เรื้อรัง ต้องการขอรับการรักษาและช่วยเหลือค่ะ ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรบ้างคะ

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ลงชื่อ xxxxx
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


ผมจึงตอบเขากลับไปดังนี้ครับ ลองอ่านดูนะครับ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีครับ 

ขอบคุณที่ติดต่อมา ผมจะเล่าสิ่งนี้ให้คุณฟังก่อนแล้วคุณค่อยตัดสินใจโทร หรือติดต่อมาหาผมแล้วกัน
อาจใช้อีเมล์ หรือหากจะใช้โทรศัพท์ กรุณาโทรตอนค่ำๆ  นะครับ ช่วงนี้ผมยุ่งตอนกลางวัน 

อาทิตย์นี้ 18-20 ก.พ. 2011 

มีผู้หญิงคนหนึ่งได้เปิดเจอเว็บของผม เนื่องจากเธอป่วยมาได้ประมาณ 3 ปี เธอคงตัดสินใจอยู่นาน ก่อนการตัดสินใจเธอได้อ่านบทความของผมในเว็บบล็อคแห่งนี้อีกหลายบทความเพื่อพิจารณาประกอบการตัดสินใจ หลายบทความก็ดีอยู่ แต่บางอันก็ทั้งแสบทั้งคัน เพราะเจ้าของบล็อคชอบเอาปากกาไปเกาตรงจุดคันๆ ของคนอื่นเป็นบางครั้ง (ขออย่าได้ถือสา) แต่เธอก็คงจะได้ใจความอะไรอยู่บ้าง เธอจึงได้ติดต่อเข้ามาหาผม ผมขอเรียกเธอว่า น้องมาช่า ก็แล้วกัน

คุณมาช่าเป็นคนมีการศึกษาสูงและมีหน้าที่การงานที่ดี  เธอบอกกับผมตอนหลังว่าเคยไปทำงานต่างประเทศมาแล้ว ผมเชื่อว่าจากหน้าที่การงานที่ทำ คุณมาช่าคงมีฐานะการเงินที่ดีพอสมควร (ผมสังเกตถ้าไม่งั้นคงไม่ลงทุนนั่งเครื่องบินมาที่จังหวัดที่ผมอยู่ได้หรอก) แต่มาช่าไม่มีสันติสุข  เธอมีอาการของโรคหลายอย่างรุมเร้า ทั้ง ปวดไหล่ ท้อง กระดูก เพลีย นอนไม่หลับ ตื่นมาก็เพลีย

คุณมาช่าตัดสินใจเดินทางโดยสารเครื่องบิน ไปกลับจากกรุงเทพ ถึงจังหวัดที่ผมอยู่ เธอมาถึงที่นี้เช้าวันเสาร์ มาช่าสำแดงความเชื่อของเธอ ด้วยการลงทุนนั่งเครื่องบิน ด้วยตั๋วที่เหลือที่นั่งใบสุดท้ายมาเพื่อรับการอธิษฐานเยียวยา ไปกลับก็เป็นเงินหลายพันบาท และยังไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่หาย  แต่ก็ตั้งความหวังไว้อยากให้เหมือนคนอื่นๆ ที่เขาได้รับอธิษฐานแล้วหายดี เธอตั้งใจมารับการปลดปล่อย ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยเห็นหน้าจริงๆ ของผม ไม่เคยรู้จักผมส่วนตัว ในใจของเขาคงมีความคิดแวบๆ เกี่ยวกับผมว่า  คนที่มันชอบเขียนประชด นักการศาสนาชาวคริสต์นี่มันของจริง หรือกำมะลอ นักโม้ นักเขียนล่องหน หรืออาจเป็นนักต้มตุ๋นกันแน่ เธอคงคิดอยู่นานหลายวันเหมือนกัน แต่ในที่สุด...จากคำพยานและข้อเขียนเป็นสิบๆ บทความ  ที่กล่าวถึงความสำเร็จในการอธิษฐานด้วยพระนามพระเยซู  คงพอทำให้เธอตระหนักได้ว่า  สิ่งที่ผมเขียนและนำมาเสนอนั้น คงมีความจริงอยู่บ้าง (ความจริงก็คือความจริงอยู่แล้วหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์)

ก่อนมาพบกับทีมงานของเรา  คุณมาช่าได้ลองโทรศัพท์มาคุยกับผมก่อนนี้ 2 ครั้ง ผมได้อธิษฐานเผื่อเธอทางโทรศัพท์ และผมสัมผัสได้ว่าเธอควรมาให้ทีมของเราอธิษฐานปลดปล่อยเพราะผมรู้สึกว่า "เคสนี้ต้องได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน" ผมจึงได้แนะนำคุณมาช่าไปบางอย่าง  ในที่สุดคุณมาช่าก็ตัดสินใจมารับการอธิษฐานเพื่อรับการเยียวยา ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู (ที่ผมพยายามใช้คำว่า "พระเยซู แทนคำว่าพระเจ้า เพื่อบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าองค์นี้คือพระเยซู เพราะ พระเจ้าในโลกนี้ และในหลายๆ ประเทศ พระเจ้ามีหลายองค์เหลือเกิน มากจนจำไม่ได้ แต่ผมขอย้ำว่าเป็นพระเยซูเท่านั้นครับ  ก่อนนี้หลายปี  ผมรู้สึกจักกระเดียมปากที่จะพูดคำว่าพระเยซู แต่ตอนนี้นะ ภาคภูมิใจมากกกกก)

เพื่อตอบสนองการตัดสินใจที่แน่วแน่และมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำ  ด้วยการเดินทางมาถึงสำนักงานของทีมของเราอย่างนี้  ผมจึงต้องตั้งใจสอนเธอกับน้องสาวอีกคนหนึ่งที่เป็นศิษย์ใหม่ของผม ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น จนถึงเวลาประมาณ 16.30 น. ทีมของเราจึงเริ่มการอธิษฐานปลดปล่อยน้องมาช่า เราใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงในการอธิษฐานยกที่หนึ่ง เราใช้ทีมอธิษฐานทั้งหมด 7 คน แต่อาการของมาช่า ไม่ค่อยดีขึ้น  เป็นเพียงแค่หายป่วยไปบางส่วนเท่านั้นเอง ไม่ได้ผลเท่าที่เราคาดหวัง เรายังแปลกใจว่าทำไมด้วยซ้ำ แต่เราไม่เคยสงสัยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู

เมื่อวาน (อาทิตย์ 20 ก.พ. 2011) ตอนเช้า ผมได้พามาช่าและครอบครัว  ไปร่วมนมัสการร่วมกับทีมของผม เนื่องจากผมต้องไปเทศนาให้กับพี่น้องคริสเตียนโบสถ์อีกแห่งหนึ่งในต่างอำเภอ จึงต้องหยุดพักการอธิษฐานไปก่อน  หลังจากที่ผมเทศนาเสร็จทีมของเรากับมาช่าก็พักรับประทานอาหารเที่ยง ขณะที่เรากินข้าวด้วยกันที่โต๊ะอาหารที่โบสถ์จัดให้  ขณะกินไปคุยไป ผมก็ชวนเธอตัดสินใจอีกครั้ง ว่าอยากจะเชื่อพระเยซูจริงๆ ไหม เนื่องจากเมื่อวานผมได้นำเธออธิษฐานเพื่อขอให้พระเยซูช่วยรักษาอาการป่วยของเธอมาแล้ว

ผมเพิ่งได้รับทราบภายหลังจากการบอกเล่าจากโจ (ลูกศิษย์คนหนึ่งในทีม) ว่า  ขณะที่คุณมาช่าคุยกับโจในตอนรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกันนั้น เธอบอกว่า ถ้าหนูหายก่อนถึงจะเชื่อพระเยซู แต่โจบอกว่า การรับการรักษาด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู คงเหมือนกับการฝากเงินในธนาคาร หรือการลงทุน ถ้าเราลงทุนไปน้อยก็คงได้น้อย ก็คงไม่ได้เต็มที่  ในเมื่อคนเราไม่ฝากเงินไหนเลยจะเรียกร้องเอาดอกเบี้ยจากธนาคารก่อนได้ และถ้าหากเราเชื่อเพียง 80 เปอร์เซนต์หรือ 90 เปอร์เซนต์ ถ้าพระเจ้ารักษาเราตามขนาดความเชื่อของเราล่ะ คุณจะเอาไหม คุณมาช่า คิดทบทวนอยู่สักครู่ พอดีผมนั่งโต๊ะข้างๆ ไม่รู้เขากำลังคุยอะไรกัน แต่ผมก็โพล่งปากถามไปว่า คุณมาช่าจะเอาพระเยซูเป็นพระเจ้าส่วนตัวจริงๆ หรือเปล่า คุณมาช่่าก็เลย โอเค ผมก็ดีใจที่เขารับพระเยซูร้อยเปอร์เซนต์และจะได้หายขาดไปเลย

เธอตัดสินใจรับเชื่อพระเจ้าอย่างองอาจ ผมได้สอบถามเธอว่าตั้งใจแน่วแน่แล้วหรือที่จะติดตามพระเยซู เธอตอบว่า "ใช่" ผมจึงเสนอให้เธอรับบัพติสมาในแม่น้ำในวันเดียวกันนี้เลย  คุณมาช่ายอมรับเหตุผล แบบงงๆ เพราะมันเร็วมาก แทบตั้งสติไม่ทัน แต่ผมบอกว่า ความสงสัยไม่สามารถช่วยให้คนหายโรคได้  เมื่อคุณมาช่าเต็มใจ ผมจึงบอกความหมายของการบัพติสมาแก่เธอ แล้วพาเธอไปรับบัพติสมาในแม่น้ำสำคัญ โดยมีศิษย์ของผมหลายคนไปเป็นสักขีพยานในครั้งนี้

ตอนเย็นเรากลับมาถึงบ้านพักของผมที่ในเมือง ผมพาทีมงานร่วมกันช่วยอธิษฐานปลดปล่อยมาช่าอีกครั้ง อีกประมาณ 2 ชั่วโมงใช้ทีมอธิษฐานเรามี 7 คนเหมือนเดิม  

ตอนนี้เธอได้รับการปลดปล่อยจากสิ่งต่างๆ ดังนี้ (ผมคิดว่าน่าจะหมดแล้วครับ แต่จะเช็ดอีกทีหลังจากนี้อีกสักสามเดือน)

1. วิญญาณสัมปเวสี ที่แอบมาสร้างอิทธิพลต่อร่างกายและความคิดจิตใจ
2. ความเจ็บแค้นฝังใจ
3. คำแช่งสาปจากบรรพบุรุธ
4. คุณไสย ที่มีคนที่เกลียดมาช่าไปจ้างหมอผี จากภาคเหนือ ด้วยเงิน 30,000 บาทให้สาปแช่งให้เธอถูกทำลาย ไม่เจริญ
    และยังมีอีกคนหนึ่งจ้างพวกเล่นคุณไสย มนต์ดำ ด้วยเงิน 50,000 บาท (ผมเข้าใจว่าเขาคงเกลียดกันเข้าใส้ถึงได้ทุ่มทุนขนาดนี้)
5. ปลดปล่อยจากมนต์ดำ และการเสกของ การฝังรูป ฝังหุ่น และวิญญาณแห่งอารมณ์ชั่วร้ายนานาชนิดที่ทำร้าย
6. ปลดปล่อยจากวิญญาณแอบแฝงที่อยู่ในเครื่องราง ของขลัง ที่เธอได้รับจากคนอื่น หรือเก็บรักษาไว้ในบ้าน
7. ปลดปล่อยจากวิญญาณเจ้า วิญญาณเทพ ความอ่อนแอ ที่แอบอยู่ใกล้ๆ ทำให้เธอ เจ็บป่วย ปวด และไร้สันติสุข

ในขั้นตอนสุดท้าย ผมอธิษฐานเผื่อเธอ เพื่อขอการชโลมด้วยพระพรอันเลิศของพระเจ้า
เธอได้รับสิ่งที่คริสเตียนบางพวกเรียกมันว่า " ลูกา บทที่ 3 ข้อ 16"

ขอพระเจ้าอวยพระพร

เย็นนี้เธอจะบินกลับไปกรุงเทพ ด้วยความสุข ได้การปลดปล่อย หลุดพ้นจากคำแช่งสาป บ่วงมารและคุณไสย และวิญญาณอื่นนานาชนิด  

ขอพระธรรมหนุนใจ

"ผู้ที่ฟังท่านทั้งหลายก็ได้ฟังเรา ผู้ที่ไม่ยอมรับท่านทั้งหลายก็ไม่ยอมรับเราผู้ที่ไม่ยอมรับเราก็ไม่ยอมรับผู้ที่ใช้เรามา” ฝ่ายสาวกเจ็ดสิบคนนั้นกลับมาด้วยความปรีดีทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า   ถึงผีทั้งหลายก็ได้อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราได้เห็นซาตาน(ชื่อหนึ่งของมาร หมายความว่า ผู้ขัดขวาง (ปฏิปักษ์) ตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ 

ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย แต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์

ขอพระเจ้าอวยพระพร รออ่านคำพยานของเธอเร็วๆ นี้นะครับ

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

An Deaf ear healed in the Name of Jesus - Reewat



ตาคนนี้แกคงเจ็บปวดและรำคาญตัวเองกับเรื่องหูตึง ไม่ค่อยได้ยินเสียง หูแกข้างหนึ่งไม่ได้ยินเสียง หรือได้ยินเพียงนิดเดียวเป้นระยะเวลานานพอสมควร แกไม่เคยได้รู้จักพระเยซูตลอดชีวิตของแก แกก้ไหว้ผี ไหว้สาง ต้นไม้ ใบหญ้า และรูปภาพต่างๆ ไปอย่างนั้น เนื่องจากไม่มีใครไปบอกเรื่องพระเยซู ถ้าจะว่าเป็นความผิดของแกที่ทำอย่างนั้นก็คงไม่ใช่ ความผิดส่วนหนึ่งคงต้องตกเป็นของพวกคริสเตียนที่แกมีบ้านเรือนตั้งอยู่ในเขตบริการของโบสถ์คริสต์เหล่านั้น

 แน่นอนที่เดียวการที่คนจะออกไปประกาศ มันต้องมีคนนำไป ต้องมีคนส่งเขาไป แต่โบสถ์คริสต์ปัจจุบันมีแห่งใดบ้างที่จ้างผู้ประกาศหลายๆ คน บ้างอ้างว่าการจ้างผู้ประกาศทำให้สิ้นเปลื้อง แต่คนที่อ้างอย่างนี้มันจะไม่มีโอกาสออกไปประกาศด้วยตนเองเกือบทั้งหมด เพราะพวกเขาต้องดิ้นรนหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเหมือนกัน

 ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ผมได้รู้จัก ได้บอกกับผมถึงสาเหตุที่กองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สองต้องพ่ายแพ้ อาจมีสาเหตุอยู่ 4 ประการ

 คือ
1. ขาดการสื่อสารระหว่างศุนย์บัญชาการ กับกองทหารที่อยู่แนวหน้า 
2. น้ำมันเติมรถถังส่งมาไม่เพียงพอ ไม่ทันเวลา ขาดๆ เกินๆ ตอนหลังไม่มีน้ำมันส่งมาเลย
3. ไม่มีกองกำลังทางอากาศสนับสนุน
4. ขวัญกำลังใจทหารไม่ดี ขาดเสบียงสนับสนุนอย่างรุ่นแรง

 ถ้ากองทัพขาดสี่อย่างนี้  กองทัพใครไม่แพ้ก็คงเป็นกองทัพเทวดาเท่านั้นเมื่อได้ฟังดังนี้แล้ว ผมก็มานึกเปรียบเทียบดูกับ การรบฝ่ายวิญญาณของคริสเตียนผมตั้งคำถามว่า
 1. แม่ทัพใหญ่ของคริสเตียนแต่ละค่าย รู้จักศัตรูและยุทธวิธีการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณดีพอหรือยัง
2. แม่ทัพแต่ละทัพ ทั้งทัพบก เรือ อากาศ สามัคคีกัน ทำงานสอดประสานกันดีหรือเปล่า
3. กองทัพคริสตชน ได้ฝึกฝนให้ ขุนศึก นายพันทั้งหลายรู้จักยุทธศาสตร์ หรือกลวิธีในการรบสงครามฝ่ายวิญญาณหรือเปล่า
4. ผู้นำกองทัพในแต่ละเหล่า สนับสนุนและสื่อสารอย่างชัดเจนกับกำลังในเขตควบคุมของตนเอง อย่างแม่นยำ ชัดเจนหรือเปล่า
5. กองทัพของคริสเตียนต้องการยึดครองดินแดนของพวกศัตรู โดยได้ส่งทหารออกไปรบ แล้วพวกทหารได้รับการแก้ปัญหา 4 ข้อที่ผมอ้างมาข้างบนหรือเปล่า

ข้อพระธรรมหนุนใจ โรม บทที่ 10

10:14 แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้
และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้
และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินอย่างไรได้

10:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน
และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระวจนะของพระเจ้า

 ขอพระเจ้าอวยพระพรให้กองทัพของชาวคริสต์
สามารถร่วมมือกันเอาชนะในสงครามฝ่ายวิญญาณ
ให้ได้พื้นที่ในประเทศมากต่างๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น

 RW MU. Feb 20, 2011

An Deaf ear healed in the Name of Jesus - Reewat



ตาคนนี้แกคงเจ็บปวดและรำคาญตัวเองกับเรื่องหูตึง ไม่ค่อยได้ยินเสียง หูแกข้างหนึ่งไม่ได้ยินเสียง หรือได้ยินเพียงนิดเดียวเป้นระยะเวลานานพอสมควร แกไม่เคยได้รู้จักพระเยซูตลอดชีวิตของแก แกก้ไหว้ผี ไหว้สาง ต้นไม้ ใบหญ้า และรูปภาพต่างๆ ไปอย่างนั้น เนื่องจากไม่มีใครไปบอกเรื่องพระเยซู ถ้าจะว่าเป็นความผิดของแกที่ทำอย่างนั้นก็คงไม่ใช่ ความผิดส่วนหนึ่งคงต้องตกเป็นของพวกคริสเตียนที่แกมีบ้านเรือนตั้งอยู่ในเขตบริการของโบสถ์คริสต์เหล่านั้น

 แน่นอนที่เดียวการที่คนจะออกไปประกาศ มันต้องมีคนนำไป ต้องมีคนส่งเขาไป แต่โบสถ์คริสต์ปัจจุบันมีแห่งใดบ้างที่จ้างผู้ประกาศหลายๆ คน บ้างอ้างว่าการจ้างผู้ประกาศทำให้สิ้นเปลื้อง แต่คนที่อ้างอย่างนี้มันจะไม่มีโอกาสออกไปประกาศด้วยตนเองเกือบทั้งหมด เพราะพวกเขาต้องดิ้นรนหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเหมือนกัน

 ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ผมได้รู้จัก ได้บอกกับผมถึงสาเหตุที่กองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สองต้องพ่ายแพ้ อาจมีสาเหตุอยู่ 4 ประการ

 คือ
1. ขาดการสื่อสารระหว่างศุนย์บัญชาการ กับกองทหารที่อยู่แนวหน้า 
2. น้ำมันเติมรถถังส่งมาไม่เพียงพอ ไม่ทันเวลา ขาดๆ เกินๆ ตอนหลังไม่มีน้ำมันส่งมาเลย
3. ไม่มีกองกำลังทางอากาศสนับสนุน
4. ขวัญกำลังใจทหารไม่ดี ขาดเสบียงสนับสนุนอย่างรุ่นแรง

 ถ้ากองทัพขาดสี่อย่างนี้  กองทัพใครไม่แพ้ก็คงเป็นกองทัพเทวดาเท่านั้นเมื่อได้ฟังดังนี้แล้ว ผมก็มานึกเปรียบเทียบดูกับ การรบฝ่ายวิญญาณของคริสเตียนผมตั้งคำถามว่า
 1. แม่ทัพใหญ่ของคริสเตียนแต่ละค่าย รู้จักศัตรูและยุทธวิธีการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณดีพอหรือยัง
2. แม่ทัพแต่ละทัพ ทั้งทัพบก เรือ อากาศ สามัคคีกัน ทำงานสอดประสานกันดีหรือเปล่า
3. กองทัพคริสตชน ได้ฝึกฝนให้ ขุนศึก นายพันทั้งหลายรู้จักยุทธศาสตร์ หรือกลวิธีในการรบสงครามฝ่ายวิญญาณหรือเปล่า
4. ผู้นำกองทัพในแต่ละเหล่า สนับสนุนและสื่อสารอย่างชัดเจนกับกำลังในเขตควบคุมของตนเอง อย่างแม่นยำ ชัดเจนหรือเปล่า
5. กองทัพของคริสเตียนต้องการยึดครองดินแดนของพวกศัตรู โดยได้ส่งทหารออกไปรบ แล้วพวกทหารได้รับการแก้ปัญหา 4 ข้อที่ผมอ้างมาข้างบนหรือเปล่า

ข้อพระธรรมหนุนใจ โรม บทที่ 10

10:14 แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้
และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้
และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินอย่างไรได้

10:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน
และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระวจนะของพระเจ้า

 ขอพระเจ้าอวยพระพรให้กองทัพของชาวคริสต์
สามารถร่วมมือกันเอาชนะในสงครามฝ่ายวิญญาณ
ให้ได้พื้นที่ในประเทศมากต่างๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น

 RW MU. Feb 20, 2011