ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภาค 5 รวบ 5 เจ้าอาวาสวัดดังเชียงใหม่และลำพูน หลอกลวงเด็กชายล่วงละเมิดทางเพศ ตระเวนเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพจัดปาร์ตี้มั่วตุ๋ยในวัด เตรียมเร่งขยายผลจับกุมเครือข่าย วันนี้ (27 พ.ค.) พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุม 6 ผู้ต้องหากระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นอดีตพระสงฆ์ มี 5 คนที่เป็นถึงเจ้าอาวาสวัดในเชียงใหม่ และลำพูน ได้แก่ อดีตพระธีรเดช สีลธโร เจ้าอาวาสวัดสันป่าสัก อ.แม่แตง อดีตพระครูปลัดเปี๊ยก โอภาโส เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย อ.แม่แตง อดีตพระเสาร์แก้ว เกี๋ยงหล้า เจ้าอาวาสวัดบุปผาราม อ.แม่ริม อดีตพระจำรัส อธิมุตโต เจ้าอาวาสวัดท่าผา อ.แม่แตง อดีตพระครูประภัศร์ วรการ เจ้าอาวาสวัดกู่ป่าลา อ.บ้านธิ จ.ลำพูน และอดีตพระชัย หรือนายธวัชชัย มูลปานันท์ โดยที่ผู้ต้องหาทั้งหมดระหว่างที่ยังเป็นพระสงฆ์นั้นมีพฤติการณ์หลอกลวงเด็กชายอายุต่ำกว่า 15 ปีไปกระทำชำเราและล่วงละเมิดทางเพศ และการจับกุมสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลือเด็กชายอายุ 14 ปีคนหนึ่งได้ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เมื่อเดือนมิถุนายน 2556 แล้วสอบถามจนทราบว่าถูกอดีตพระชัย หรือนายธวัชชัย หลอกตนพร้อมเพื่อนเด็กชายอีกหลายคนไปตระเวนให้ผู้ต้องหาทั้งหมดล่วงละเมิดทางเพศตามวัดที่ผู้ต้องหาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ในลักษณะของการจัดปาร์ตี้ ทั้งนี้ หลังจากได้รับข้อมูลจึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด พร้อมตรวจค้นภายในกุฏิที่พบ ซีดีลามก วัตถุลามก วัตถุคล้ายอวัยวะเพศชาย ขวดสุรา เจลหล่อลื่น ซึ่งเป็นพยานหลักฐานอันแสดงว่ามีการกระทำความผิดจริง จึงนำตัวไปสละสมณเพศ และดำเนินคดีตามกฎหมาย พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ โดยหนึ่งในจำนวนผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเกย์คิง จะหลอกลวงเด็กชายหลายรายไปกระทำชำเราตามวัดต่างๆ ในลักษณะจัดปาร์ตี้ที่มีการผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพทั้งที่ยังเป็นพระสงฆ์อยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรม และสืบสวนหาข้อมูลหลักฐาน จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ทั้งหมด ล่าสุดอยู่ระหว่างการสืบสวนหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม โดยเชื่อว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้น่าจะมีเครือข่ายที่ร่วมกันกระทำความผิดด้วย ซึ่งจะได้จับกุมต่อไป ที่มา: http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000059027
|
การปลดปล่อย ด้วยปาติหาริย์ ในพระนาม
วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
ความเสื่อมของนักบวชศาสนาพุทธ
เขียนโดย
Evangelist Rice (RW-MU)
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554
เราจะเข้าไปในสวรรค์ได้อย่างไร
ต้องทำอย่างไรจะได้เห็นอาณาจักรของพระเจ้า
พระเยซูกับนิโคเดมัส
คืนหนึ่งหัวหน้าชาวยิวชื่อ นิโคเดมัส เป็นคนหนึ่งในพวกฟาริสี มาหาพระเยซูกล่าวว่า
"อาจารย์ครับ เราทราบดีว่าท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าส่งมา เห็นได้ว่าไม่มีใครทำการใหญ่ยิ่งอย่างที่ท่านทำนี้ได้ นอกจากพระเจ้าสถิตอยู่กับเขา"
พระเยซูกล่าวตอบ
"เชื่อเราเถอะ ไม่มีใครเห็นอาณาจักรของพระเจ้าได้ นอกจากเขาจะเกิดใหม่"
นิโคเดมัสแย้งว่า
"คนโตๆ แล้วจะกลับไปเกิดใหม่ได้อย่างไร เขาจะกลับเข้าในครรภ์มารดาไปเกิดใหม่อีกได้หรือ?"
พระเยซูตรัสตอบว่า
"เราขอยืนยันว่า ผู้ที่จะเป็นประชากรของอาณาจักรพระเจ้า จะต้องเป็นผู้ที่เกิดจากน้ำและพระวิญญาณบริสุทธิ์ มนุษย์ให้กำเนิดได้ก็แต่เพียงร่างกายมนุษย์ แต่พระวิญญาณของพระเจ้าจะให้
กำเนิดทางจิตใจ ฉะนั้น จงอย่าแปลกใจไปเลยที่เราบอกท่านว่า ทุกคนจะต้องเกิดใหม่ ลมย่อมพัดไปตามใจชอบของมัน ท่านได้ยินเสียงลมพัดได้ แต่ก็ไม่ทราบว่าเริ่มต้นพัดจาก
ไหนหรือจะพัดไปสู่ ณ แห่งใด นี่ก็เช่นเดียวกัน ท่านก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่า พระวิญญาณของพระเจ้าทำให้เขาเกิดใหม่ได้อย่างไร"
"จะเป็นไปได้อย่างไรเล่าครับ" นิโคเดมัสถามด้วยความฉงน
พระเยซูกล่าวตอบว่า
"ท่านเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในหมู่ชาวอิสราเอล แต่ยังไม่รู้เรื่องเหล่านี้อีกหรือ?
เราขอบอกความจริงกับท่านว่า เรากำลังพูดถึงเรื่องที่เรารู้ และบอกท่านถึงเรื่องที่เราได้เห็น แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครในพวกท่านยอมรับเรื่องที่เราบอกท่านนี้ ถ้าท่านไม่เชื่อเมื่อเรา
พูดถึงสิ่งที่เป็นไปในโลกนี้แล้ว ท่านจะเชื่อเมื่อเราพูดถึงสิ่งที่เป็นไปในสวรรค์ได้อย่างไรกัน ไม่มีใครเข้าสวรรค์นอกจาก* บุตรมนุษย์ผู้เสด็จมาจากสวรรค์
โมเสสยกเสาที่มีงูทองเหลืองขึ้นในถิ่นกันดารฉันใด ในทำนองเดียวกันบุตรมนุษย์จะถูกยกขึ้นฉันนั้น (ถูกตรึงที่กางเขนเพื่อเป็นเครื่องไถ่บาปมวลมนุษย์) เพื่อทุกคนที่ไว้วางใจ
พระองค์จะได้รับชีวิตนิรันดร์
พระเจ้าทรงรักมนุษย์ยิ่งนัก จึงได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจจะไม่ตาย แต่มีชีวิตนิรันดร์
พระเจ้ามิได้ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มาในโลก เพื่อพิพากษามวลมนุษย์ แต่ทรงใช้มาเพื่อจะช่วยเขาต่างหาก
ใครก็ตามที่ไว้วางใจในพระบุตรของพระเจ้าก็ไม่ต้องถูกพิพากษา แต่คนที่ไม่ไว้วางใจก็ถูกลงโทษอยู่แล้ว เนื่องจากเขาไม่ไว้วางใจพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
หลักการพิพากษาลงโทษเป็นอย่างนี้แหละ ความสว่างเข้ามาในโลกแล้ว แต่มนุษย์แสดงให้เห็นว่าเขารักความมืดมากกว่าความสว่าง เพราะความชั่วที่เขากระทำลงไป คนที่ทำชั่วย่อมชังความสว่างและหลีกให้พ้นความสว่าง ทั้งนี้เพราะความสว่างจะเปิดเผยให้เห็นความชั่วช้าที่เขาทำ คนดีซื่อสัตย์มาสู่ที่สว่างเพื่อแสงสว่างจะส่องให้เห็นว่าเขา กระทำดีเพราะเขาเชื่อฟังพระเจ้า
เขียนโดย
Evangelist Rice (RW-MU)
ป้ายกำกับ:
Deliverance-การปลดปล่อย
วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554
ชาวบ้านเวียตนามมาขอรับการรักษา
ด้วยฤทธิ์อำนาจในพระนามพระเยซูเจ้า
ในการไปหาประสบการณ์การปลดปล่อยในต่างแดนครั้งนี้ ก่อนถึงเมืองเว้ ทางรถยนต์ต้องผ่านเมืองชายแดนชื่อว่าเมืองเกซาน (Khe sanh) พวกเราได้พบกับพี่น้องชาวเวียตนามชนเผ่าบูลูที่เป็นคริสเตียน พวกเขาได้รับทราบข่าวที่เราฝากศิษย์ภิบาลคริสตจักรที่ เกซานไปบอก พวกเขาได้มาพบเราและรับฟังคำสอนและคำหนุนใจ หลังจากนั้นทีมของเราได้อธิษฐานเผื่อการป่วยของพวกเขา
ขอบคุณพระเจ้าพี่น้องที่มาขอรับคำอธิษฐานทั้งหมดได้รับการรักษาให้หายโรคทุกคน ยกเว้นคนที่มีวิญญาณรบกวนหนึ่งคน ที่เราไม่มีเวลาเพียงพอที่จะอธิษฐานได้เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิด เพราะเราต้องรีบเดินทางต่อไป อย่างไรก็ตามเราก็ได้ฝากความหวังไว้ว่าหากชายคนนั้นยังไม่หาย เราจะกลับมาอธิษฐานเผื่อเขาอีกครังในการเดินทางเที่ยวหน้า ที่เราไม่ได้ทำการรักษาเขาเนื่องจาก การขับผีบางทีต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง และต้องได้รับการอนุญาตจากญาติของคนป่วยด้วยว่า อนุญาตให้เราทำการอธิษฐาน
เพราะการอธิษฐานเผื่อคนที่ถูกวิญญาณรบกวนจนกลายเป็นคนวิกลจริต ต้องถูกล่ามโซ่ไว้ในบ้านไม่ใช่การปลดปล่อยที่สามารถทำกันได้ง่ายๆ และการรักษาของเราก็ไม่ได้เรียกเก็บเงินแต่อย่างใด บางครั้งเมื่อเราวิเคราะห์ดูแล้วว่า จะไม่สามารถทำได้ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ เราก็จะไม่ทำเพราะคนอาจจะคิดว่า เราไม่สามารถทำได้
แท้จริงแล้ว ไม่มีโรคใดๆ เลยที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการอธิษฐานในพระนามพระเยซู แม้แต่คนตายยังสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แต่เราจะทำในส่วนที่การเจิม และขนาดของฤทธิ์อำนาจที่พระเจ้าให้เราเท่านั้น เรายังไม่เคยอธิษฐานให้คนง่อยเดินได้ เว้นแต่ เราอธิษฐานเผื่อโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคไซนัส การปวดทุกอย่าง การเจ็บในช่องท้อง เดินไม่สะดวก โรคเกี่ยวกับตา ตาบอด ตาฟาง หูหนวก อย่างไรก็ตามเราไม่เคยปฏิเสธที่จะอธิษฐานขอให้คนป่วยทุกชนิดหาย เพราะพระเจ้าประทานการเจิมอย่างไม่จำกัดอยู่แล้ว แต่ความเชื่อของเรายังพัฒนาไม่ถึงขั้นวางมือให้คนตายฟื้นเท่านั้น
ขอบคุณพระเจ้าพี่น้องที่มาขอรับคำอธิษฐานทั้งหมดได้รับการรักษาให้หายโรคทุกคน ยกเว้นคนที่มีวิญญาณรบกวนหนึ่งคน ที่เราไม่มีเวลาเพียงพอที่จะอธิษฐานได้เนื่องจากระยะเวลากระชั้นชิด เพราะเราต้องรีบเดินทางต่อไป อย่างไรก็ตามเราก็ได้ฝากความหวังไว้ว่าหากชายคนนั้นยังไม่หาย เราจะกลับมาอธิษฐานเผื่อเขาอีกครังในการเดินทางเที่ยวหน้า ที่เราไม่ได้ทำการรักษาเขาเนื่องจาก การขับผีบางทีต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง และต้องได้รับการอนุญาตจากญาติของคนป่วยด้วยว่า อนุญาตให้เราทำการอธิษฐาน
เพราะการอธิษฐานเผื่อคนที่ถูกวิญญาณรบกวนจนกลายเป็นคนวิกลจริต ต้องถูกล่ามโซ่ไว้ในบ้านไม่ใช่การปลดปล่อยที่สามารถทำกันได้ง่ายๆ และการรักษาของเราก็ไม่ได้เรียกเก็บเงินแต่อย่างใด บางครั้งเมื่อเราวิเคราะห์ดูแล้วว่า จะไม่สามารถทำได้ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ เราก็จะไม่ทำเพราะคนอาจจะคิดว่า เราไม่สามารถทำได้
แท้จริงแล้ว ไม่มีโรคใดๆ เลยที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการอธิษฐานในพระนามพระเยซู แม้แต่คนตายยังสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แต่เราจะทำในส่วนที่การเจิม และขนาดของฤทธิ์อำนาจที่พระเจ้าให้เราเท่านั้น เรายังไม่เคยอธิษฐานให้คนง่อยเดินได้ เว้นแต่ เราอธิษฐานเผื่อโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคไซนัส การปวดทุกอย่าง การเจ็บในช่องท้อง เดินไม่สะดวก โรคเกี่ยวกับตา ตาบอด ตาฟาง หูหนวก อย่างไรก็ตามเราไม่เคยปฏิเสธที่จะอธิษฐานขอให้คนป่วยทุกชนิดหาย เพราะพระเจ้าประทานการเจิมอย่างไม่จำกัดอยู่แล้ว แต่ความเชื่อของเรายังพัฒนาไม่ถึงขั้นวางมือให้คนตายฟื้นเท่านั้น
เขียนโดย
Evangelist Rice (RW-MU)
ป้ายกำกับ:
Deliverance-การปลดปล่อย
วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554
จำยอมรับเชื่อเพราะถูกท้าทาย(1)A Challenge to surrender to Jesus.
เมื่อคุณป้าพันธ์ ได้รับการปลดปล่อยจากอาการปวดแข้งซ้าย
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพื่อขอบคุณพระเยซูเจ้า
ผมเพิ่งกลับจากการไปอธิษฐานปลดปล่อยผู้เจ็บป่วยและคนที่ได้รับการทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยที่ประเทศเวียตนาม ขากลับผมแวะไปเยี่ยมครอบครัวคุณหนุ่ม สมาชิกใหม่ของกลุ่ม เฟซบุ๊ค IDMC ผมได้อธิษฐานอวยพร คุณป้าพัน แกอยู่ที่ บ้านกุดบาด อำเภอกุดบาด จังหวัดสกลนคร ผมเดินทางไกลหลายชั่วโมงเพื่อไปเยี่ยมครอบครัวแห่งความเชื่อนี้ เพื่อหนุนใจให้เขาเข้มแข็งในความเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้าขอบคุณพี่น้องและกลุ่มผู้เชื่อที่ กุดบาด ขอให้ท่านเดินต่อไปอย่างมั่นคงกับพระเยซูคริสต์
เนื่องจากมีชายคนหนึ่ง ชื่อว่า คุณหนุ่มได้แวะเข้ามาอ่านเว็บบล็อคนี้เมื่อไม่นานมานี้ คุณหนุ่มได้เชิญให้ผมแวะไปอวยพร ครอบครัวและทีมงานที่กำลังจะจัดตั้งเป็นโฮมเชิร์ท อีกแห่งหนึ่ง ที่อำเภอกุดบาด
ก่อนการประชุมนมัสการพระเจ้า ผมได้พบกับป้าคนในรูปด้านบนนี้ แกชื่อว่า ป้าพัน แกยังไม่ได้รับเชื่อพระเยซู ผมได้พูดคุยและท้าทายป้าพันว่า ที่ป้าพันเจ็บแข็งเจ็บขา ได้รับความทรมานจากอาการนี้มานานพอควร แกกินยาทายาแล้วยังไม่หายดี หากพระเยซูช่วยรักษาให้หายผ่านการอธิษฐานของผม ป้าจะยอมรับพระเจ้าอย่างถาวรหรือไม่ ป้าพันลังเล ไตร่ตรองอยู่นานหลายนาที ในที่สุดแกก็ยอมรับการท้าทายของผม
เยเย้(ลูกสาว) และผมช่วยกันอธิษฐานวางมือ ป้าพันก็ได้รับการรักษาในทันที แกดีใจที่ได้รับรู้ว่า มีพระที่สามารถช่วยแกได้จริง ผมจึงขอถ่ายภาพของป้าไว้ เพื่อนำมาหนุนใจคนป่วยที่ต้องการการรักษาด้วยคำอธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์ ว่า พระเยซูคริสต์คือพระเจ้าที่เป็นอยู่และสามารถช่วยทุกคนที่เข้ามาหาพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ จริงใจ และมีสัจจะ
เนื่องจากมีชายคนหนึ่ง ชื่อว่า คุณหนุ่มได้แวะเข้ามาอ่านเว็บบล็อคนี้เมื่อไม่นานมานี้ คุณหนุ่มได้เชิญให้ผมแวะไปอวยพร ครอบครัวและทีมงานที่กำลังจะจัดตั้งเป็นโฮมเชิร์ท อีกแห่งหนึ่ง ที่อำเภอกุดบาด
ก่อนการประชุมนมัสการพระเจ้า ผมได้พบกับป้าคนในรูปด้านบนนี้ แกชื่อว่า ป้าพัน แกยังไม่ได้รับเชื่อพระเยซู ผมได้พูดคุยและท้าทายป้าพันว่า ที่ป้าพันเจ็บแข็งเจ็บขา ได้รับความทรมานจากอาการนี้มานานพอควร แกกินยาทายาแล้วยังไม่หายดี หากพระเยซูช่วยรักษาให้หายผ่านการอธิษฐานของผม ป้าจะยอมรับพระเจ้าอย่างถาวรหรือไม่ ป้าพันลังเล ไตร่ตรองอยู่นานหลายนาที ในที่สุดแกก็ยอมรับการท้าทายของผม
เยเย้(ลูกสาว) และผมช่วยกันอธิษฐานวางมือ ป้าพันก็ได้รับการรักษาในทันที แกดีใจที่ได้รับรู้ว่า มีพระที่สามารถช่วยแกได้จริง ผมจึงขอถ่ายภาพของป้าไว้ เพื่อนำมาหนุนใจคนป่วยที่ต้องการการรักษาด้วยคำอธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์ ว่า พระเยซูคริสต์คือพระเจ้าที่เป็นอยู่และสามารถช่วยทุกคนที่เข้ามาหาพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ จริงใจ และมีสัจจะ
การรักษาให้หายขาด คือความต้องการของผู้ป่วยทุกคน การหายโรคแบบนี้หาก คนป่วยไม่ยอมรับเชื่อพระเยซูอย่างถาวร พอหายแล้วก็กลับไปกราบไหว้ ผี และวิญญาณที่สิ่งสู่ในที่ต่างๆ คนป่วยก็จะกลับมาเป็นอีกอย่างแน่นอน แต่ถ้าคนใดเชื่อพระเยซูอย่างแท้จริง มีสัจจะ เลิกกราบไหว้วิญญาณ เขาก็จะหายขาดอย่างแน่นอน
ดังนั้นหากคนใดที่ได้รับการอธิษฐานอวยพรในพระนามพระเยซูแล้วหายดี หากท่านอยากหายดีตลอดไป วิธีเดียวที่ท่านจะมีสุขภาพดีและหายขาด คือให้หันกลับมาหาพระเจ้าและกลับใจใหม่อย่างแท้จริง
กลับไปหน้าแรก Home
ดังนั้นหากคนใดที่ได้รับการอธิษฐานอวยพรในพระนามพระเยซูแล้วหายดี หากท่านอยากหายดีตลอดไป วิธีเดียวที่ท่านจะมีสุขภาพดีและหายขาด คือให้หันกลับมาหาพระเจ้าและกลับใจใหม่อย่างแท้จริง
กลับไปหน้าแรก Home
เขียนโดย
Evangelist Rice (RW-MU)
ป้ายกำกับ:
Deliverance-การปลดปล่อย
วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
บันทึกผู้กล้า> เชื่อแล้วรับการปลดปล่อย Memorandum of a brave woman who comes to pray for deliverance
นี่คงเป็นบันทึกที่คงจะช่วยให้หลายๆ คน ทั้งที่รู้จักพระเยซู คนไหว้เจ้า คนไหว้ต้นไม้ คนไหว้เทพ คนไหว้มังกร และคนไม่เคยเชื่อพระเจ้าองค์ใดเลย มาอ่านแล้ว อาจเลียนแบบความกล้าหาญของน้องคนนี้
แต่ก่อนที่ท่านจะได้อ่าน ผมก็ขอให้อ่านจดหมายอีเมล์ของคนที่อ่านบล็อคของผมแล้วอยากหายบ้าง เขาว่าดังนี้
............................................................
From: tarpxxxx @hotmail.com
To: reewat@hotmail.com
Subject: สอบถามเรื่องวิญญาณร้าย
Date: Sun, 20 Feb 2011 16:36:16 +0700
พอดีได้อ่านบล๊อคในเว็ปคุณ ผมคริสเตียนครับ แต่ว่ามีปัญหาเรื่องฝันร้ายบ่อยๆแปลก ๆ อยากให้ช่วยติดต่อกลับที่เมลล์
หรือเบอร์โทรนี้ได้มั๊ยครับ ขอบคุณครับ ??-081-7723XXX
..............................................................
ช่วงก่อนหน้านี้ผมได้รับอีเมล์ประเภทนี้ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับDate: Mon, 31 Jan 2011 23:03:07 -0800
From: xxxetaixx@yahoo.com
Subject: ขอรับการช่วยเหลือ
To: reewat@hotmail.com
สวัสดีค่ะ ได้เข้าไปอ่านเรื่องราวจาก http://reewat.blogspot.com/ มีอาการป่วยที่เรื้อรัง ต้องการขอรับการรักษาและช่วยเหลือค่ะ ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรบ้างคะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ลงชื่อ xxxxx
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ลงชื่อ xxxxx
ผมจึงตอบเขากลับไปดังนี้ครับ ลองอ่านดูนะครับ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
สวัสดีครับ
ขอบคุณที่ติดต่อมา ผมจะเล่าสิ่งนี้ให้คุณฟังก่อนแล้วคุณค่อยตัดสินใจโทร หรือติดต่อมาหาผมแล้วกัน
อาจใช้อีเมล์ หรือหากจะใช้โทรศัพท์ กรุณาโทรตอนค่ำๆ นะครับ ช่วงนี้ผมยุ่งตอนกลางวัน
อาจใช้อีเมล์ หรือหากจะใช้โทรศัพท์ กรุณาโทรตอนค่ำๆ นะครับ ช่วงนี้ผมยุ่งตอนกลางวัน
อาทิตย์นี้ 18-20 ก.พ. 2011
มีผู้หญิงคนหนึ่งได้เปิดเจอเว็บของผม เนื่องจากเธอป่วยมาได้ประมาณ 3 ปี เธอคงตัดสินใจอยู่นาน ก่อนการตัดสินใจเธอได้อ่านบทความของผมในเว็บบล็อคแห่งนี้อีกหลายบทความเพื่อพิจารณาประกอบการตัดสินใจ หลายบทความก็ดีอยู่ แต่บางอันก็ทั้งแสบทั้งคัน เพราะเจ้าของบล็อคชอบเอาปากกาไปเกาตรงจุดคันๆ ของคนอื่นเป็นบางครั้ง (ขออย่าได้ถือสา) แต่เธอก็คงจะได้ใจความอะไรอยู่บ้าง เธอจึงได้ติดต่อเข้ามาหาผม ผมขอเรียกเธอว่า น้องมาช่า ก็แล้วกัน
คุณมาช่าเป็นคนมีการศึกษาสูงและมีหน้าที่การงานที่ดี เธอบอกกับผมตอนหลังว่าเคยไปทำงานต่างประเทศมาแล้ว ผมเชื่อว่าจากหน้าที่การงานที่ทำ คุณมาช่าคงมีฐานะการเงินที่ดีพอสมควร (ผมสังเกตถ้าไม่งั้นคงไม่ลงทุนนั่งเครื่องบินมาที่จังหวัดที่ผมอยู่ได้หรอก) แต่มาช่าไม่มีสันติสุข เธอมีอาการของโรคหลายอย่างรุมเร้า ทั้ง ปวดไหล่ ท้อง กระดูก เพลีย นอนไม่หลับ ตื่นมาก็เพลีย
คุณมาช่าตัดสินใจเดินทางโดยสารเครื่องบิน ไปกลับจากกรุงเทพ ถึงจังหวัดที่ผมอยู่ เธอมาถึงที่นี้เช้าวันเสาร์ มาช่าสำแดงความเชื่อของเธอ ด้วยการลงทุนนั่งเครื่องบิน ด้วยตั๋วที่เหลือที่นั่งใบสุดท้ายมาเพื่อรับการอธิษฐานเยียวยา ไปกลับก็เป็นเงินหลายพันบาท และยังไม่รู้ว่าจะหายหรือไม่หาย แต่ก็ตั้งความหวังไว้อยากให้เหมือนคนอื่นๆ ที่เขาได้รับอธิษฐานแล้วหายดี เธอตั้งใจมารับการปลดปล่อย ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยเห็นหน้าจริงๆ ของผม ไม่เคยรู้จักผมส่วนตัว ในใจของเขาคงมีความคิดแวบๆ เกี่ยวกับผมว่า คนที่มันชอบเขียนประชด นักการศาสนาชาวคริสต์นี่มันของจริง หรือกำมะลอ นักโม้ นักเขียนล่องหน หรืออาจเป็นนักต้มตุ๋นกันแน่ เธอคงคิดอยู่นานหลายวันเหมือนกัน แต่ในที่สุด...จากคำพยานและข้อเขียนเป็นสิบๆ บทความ ที่กล่าวถึงความสำเร็จในการอธิษฐานด้วยพระนามพระเยซู คงพอทำให้เธอตระหนักได้ว่า สิ่งที่ผมเขียนและนำมาเสนอนั้น คงมีความจริงอยู่บ้าง (ความจริงก็คือความจริงอยู่แล้วหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์)
ก่อนมาพบกับทีมงานของเรา คุณมาช่าได้ลองโทรศัพท์มาคุยกับผมก่อนนี้ 2 ครั้ง ผมได้อธิษฐานเผื่อเธอทางโทรศัพท์ และผมสัมผัสได้ว่าเธอควรมาให้ทีมของเราอธิษฐานปลดปล่อยเพราะผมรู้สึกว่า "เคสนี้ต้องได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน" ผมจึงได้แนะนำคุณมาช่าไปบางอย่าง ในที่สุดคุณมาช่าก็ตัดสินใจมารับการอธิษฐานเพื่อรับการเยียวยา ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู (ที่ผมพยายามใช้คำว่า "พระเยซู แทนคำว่าพระเจ้า เพื่อบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าองค์นี้คือพระเยซู เพราะ พระเจ้าในโลกนี้ และในหลายๆ ประเทศ พระเจ้ามีหลายองค์เหลือเกิน มากจนจำไม่ได้ แต่ผมขอย้ำว่าเป็นพระเยซูเท่านั้นครับ ก่อนนี้หลายปี ผมรู้สึกจักกระเดียมปากที่จะพูดคำว่าพระเยซู แต่ตอนนี้นะ ภาคภูมิใจมากกกกก)
เพื่อตอบสนองการตัดสินใจที่แน่วแน่และมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำ ด้วยการเดินทางมาถึงสำนักงานของทีมของเราอย่างนี้ ผมจึงต้องตั้งใจสอนเธอกับน้องสาวอีกคนหนึ่งที่เป็นศิษย์ใหม่ของผม ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น จนถึงเวลาประมาณ 16.30 น. ทีมของเราจึงเริ่มการอธิษฐานปลดปล่อยน้องมาช่า เราใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงในการอธิษฐานยกที่หนึ่ง เราใช้ทีมอธิษฐานทั้งหมด 7 คน แต่อาการของมาช่า ไม่ค่อยดีขึ้น เป็นเพียงแค่หายป่วยไปบางส่วนเท่านั้นเอง ไม่ได้ผลเท่าที่เราคาดหวัง เรายังแปลกใจว่าทำไมด้วยซ้ำ แต่เราไม่เคยสงสัยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู
เมื่อวาน (อาทิตย์ 20 ก.พ. 2011) ตอนเช้า ผมได้พามาช่าและครอบครัว ไปร่วมนมัสการร่วมกับทีมของผม เนื่องจากผมต้องไปเทศนาให้กับพี่น้องคริสเตียนโบสถ์อีกแห่งหนึ่งในต่างอำเภอ จึงต้องหยุดพักการอธิษฐานไปก่อน หลังจากที่ผมเทศนาเสร็จทีมของเรากับมาช่าก็พักรับประทานอาหารเที่ยง ขณะที่เรากินข้าวด้วยกันที่โต๊ะอาหารที่โบสถ์จัดให้ ขณะกินไปคุยไป ผมก็ชวนเธอตัดสินใจอีกครั้ง ว่าอยากจะเชื่อพระเยซูจริงๆ ไหม เนื่องจากเมื่อวานผมได้นำเธออธิษฐานเพื่อขอให้พระเยซูช่วยรักษาอาการป่วยของเธอมาแล้ว
ผมเพิ่งได้รับทราบภายหลังจากการบอกเล่าจากโจ (ลูกศิษย์คนหนึ่งในทีม) ว่า ขณะที่คุณมาช่าคุยกับโจในตอนรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกันนั้น เธอบอกว่า ถ้าหนูหายก่อนถึงจะเชื่อพระเยซู แต่โจบอกว่า การรับการรักษาด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู คงเหมือนกับการฝากเงินในธนาคาร หรือการลงทุน ถ้าเราลงทุนไปน้อยก็คงได้น้อย ก็คงไม่ได้เต็มที่ ในเมื่อคนเราไม่ฝากเงินไหนเลยจะเรียกร้องเอาดอกเบี้ยจากธนาคารก่อนได้ และถ้าหากเราเชื่อเพียง 80 เปอร์เซนต์หรือ 90 เปอร์เซนต์ ถ้าพระเจ้ารักษาเราตามขนาดความเชื่อของเราล่ะ คุณจะเอาไหม คุณมาช่า คิดทบทวนอยู่สักครู่ พอดีผมนั่งโต๊ะข้างๆ ไม่รู้เขากำลังคุยอะไรกัน แต่ผมก็โพล่งปากถามไปว่า คุณมาช่าจะเอาพระเยซูเป็นพระเจ้าส่วนตัวจริงๆ หรือเปล่า คุณมาช่่าก็เลย โอเค ผมก็ดีใจที่เขารับพระเยซูร้อยเปอร์เซนต์และจะได้หายขาดไปเลย
ผมเพิ่งได้รับทราบภายหลังจากการบอกเล่าจากโจ (ลูกศิษย์คนหนึ่งในทีม) ว่า ขณะที่คุณมาช่าคุยกับโจในตอนรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกันนั้น เธอบอกว่า ถ้าหนูหายก่อนถึงจะเชื่อพระเยซู แต่โจบอกว่า การรับการรักษาด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซู คงเหมือนกับการฝากเงินในธนาคาร หรือการลงทุน ถ้าเราลงทุนไปน้อยก็คงได้น้อย ก็คงไม่ได้เต็มที่ ในเมื่อคนเราไม่ฝากเงินไหนเลยจะเรียกร้องเอาดอกเบี้ยจากธนาคารก่อนได้ และถ้าหากเราเชื่อเพียง 80 เปอร์เซนต์หรือ 90 เปอร์เซนต์ ถ้าพระเจ้ารักษาเราตามขนาดความเชื่อของเราล่ะ คุณจะเอาไหม คุณมาช่า คิดทบทวนอยู่สักครู่ พอดีผมนั่งโต๊ะข้างๆ ไม่รู้เขากำลังคุยอะไรกัน แต่ผมก็โพล่งปากถามไปว่า คุณมาช่าจะเอาพระเยซูเป็นพระเจ้าส่วนตัวจริงๆ หรือเปล่า คุณมาช่่าก็เลย โอเค ผมก็ดีใจที่เขารับพระเยซูร้อยเปอร์เซนต์และจะได้หายขาดไปเลย
เธอตัดสินใจรับเชื่อพระเจ้าอย่างองอาจ ผมได้สอบถามเธอว่าตั้งใจแน่วแน่แล้วหรือที่จะติดตามพระเยซู เธอตอบว่า "ใช่" ผมจึงเสนอให้เธอรับบัพติสมาในแม่น้ำในวันเดียวกันนี้เลย คุณมาช่ายอมรับเหตุผล แบบงงๆ เพราะมันเร็วมาก แทบตั้งสติไม่ทัน แต่ผมบอกว่า ความสงสัยไม่สามารถช่วยให้คนหายโรคได้ เมื่อคุณมาช่าเต็มใจ ผมจึงบอกความหมายของการบัพติสมาแก่เธอ แล้วพาเธอไปรับบัพติสมาในแม่น้ำสำคัญ โดยมีศิษย์ของผมหลายคนไปเป็นสักขีพยานในครั้งนี้
ตอนเย็นเรากลับมาถึงบ้านพักของผมที่ในเมือง ผมพาทีมงานร่วมกันช่วยอธิษฐานปลดปล่อยมาช่าอีกครั้ง อีกประมาณ 2 ชั่วโมงใช้ทีมอธิษฐานเรามี 7 คนเหมือนเดิม
ตอนนี้เธอได้รับการปลดปล่อยจากสิ่งต่างๆ ดังนี้ (ผมคิดว่าน่าจะหมดแล้วครับ แต่จะเช็ดอีกทีหลังจากนี้อีกสักสามเดือน)
1. วิญญาณสัมปเวสี ที่แอบมาสร้างอิทธิพลต่อร่างกายและความคิดจิตใจ
2. ความเจ็บแค้นฝังใจ
3. คำแช่งสาปจากบรรพบุรุธ
4. คุณไสย ที่มีคนที่เกลียดมาช่าไปจ้างหมอผี จากภาคเหนือ ด้วยเงิน 30,000 บาทให้สาปแช่งให้เธอถูกทำลาย ไม่เจริญ
และยังมีอีกคนหนึ่งจ้างพวกเล่นคุณไสย มนต์ดำ ด้วยเงิน 50,000 บาท (ผมเข้าใจว่าเขาคงเกลียดกันเข้าใส้ถึงได้ทุ่มทุนขนาดนี้)
และยังมีอีกคนหนึ่งจ้างพวกเล่นคุณไสย มนต์ดำ ด้วยเงิน 50,000 บาท (ผมเข้าใจว่าเขาคงเกลียดกันเข้าใส้ถึงได้ทุ่มทุนขนาดนี้)
5. ปลดปล่อยจากมนต์ดำ และการเสกของ การฝังรูป ฝังหุ่น และวิญญาณแห่งอารมณ์ชั่วร้ายนานาชนิดที่ทำร้าย
6. ปลดปล่อยจากวิญญาณแอบแฝงที่อยู่ในเครื่องราง ของขลัง ที่เธอได้รับจากคนอื่น หรือเก็บรักษาไว้ในบ้าน
7. ปลดปล่อยจากวิญญาณเจ้า วิญญาณเทพ ความอ่อนแอ ที่แอบอยู่ใกล้ๆ ทำให้เธอ เจ็บป่วย ปวด และไร้สันติสุข
ในขั้นตอนสุดท้าย ผมอธิษฐานเผื่อเธอ เพื่อขอการชโลมด้วยพระพรอันเลิศของพระเจ้า
เธอได้รับสิ่งที่คริสเตียนบางพวกเรียกมันว่า " ลูกา บทที่ 3 ข้อ 16"
ขอพระเจ้าอวยพระพร
เย็นนี้เธอจะบินกลับไปกรุงเทพ ด้วยความสุข ได้การปลดปล่อย หลุดพ้นจากคำแช่งสาป บ่วงมารและคุณไสย และวิญญาณอื่นนานาชนิด
ขอพระธรรมหนุนใจ
"ผู้ที่ฟังท่านทั้งหลายก็ได้ฟังเรา ผู้ที่ไม่ยอมรับท่านทั้งหลายก็ไม่ยอมรับเราผู้ที่ไม่ยอมรับเราก็ไม่ยอมรับผู้ที่ใช้เรามา” ฝ่ายสาวกเจ็ดสิบคนนั้นกลับมาด้วยความปรีดีทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ถึงผีทั้งหลายก็ได้อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราได้เห็นซาตาน(ชื่อหนึ่งของมาร หมายความว่า ผู้ขัดขวาง (ปฏิปักษ์) ตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ
ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย แต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์
ขอพระธรรมหนุนใจ
"ผู้ที่ฟังท่านทั้งหลายก็ได้ฟังเรา ผู้ที่ไม่ยอมรับท่านทั้งหลายก็ไม่ยอมรับเราผู้ที่ไม่ยอมรับเราก็ไม่ยอมรับผู้ที่ใช้เรามา” ฝ่ายสาวกเจ็ดสิบคนนั้นกลับมาด้วยความปรีดีทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ถึงผีทั้งหลายก็ได้อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราได้เห็นซาตาน(ชื่อหนึ่งของมาร หมายความว่า ผู้ขัดขวาง (ปฏิปักษ์) ตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ
ขอพระเจ้าอวยพระพร รออ่านคำพยานของเธอเร็วๆ นี้นะครับ
เขียนโดย
Evangelist Rice (RW-MU)
ป้ายกำกับ:
Deliverance-การปลดปล่อย
วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
An Deaf ear healed in the Name of Jesus - Reewat
ตาคนนี้แกคงเจ็บปวดและรำคาญตัวเองกับเรื่องหูตึง ไม่ค่อยได้ยินเสียง หูแกข้างหนึ่งไม่ได้ยินเสียง หรือได้ยินเพียงนิดเดียวเป้นระยะเวลานานพอสมควร แกไม่เคยได้รู้จักพระเยซูตลอดชีวิตของแก แกก้ไหว้ผี ไหว้สาง ต้นไม้ ใบหญ้า และรูปภาพต่างๆ ไปอย่างนั้น เนื่องจากไม่มีใครไปบอกเรื่องพระเยซู ถ้าจะว่าเป็นความผิดของแกที่ทำอย่างนั้นก็คงไม่ใช่ ความผิดส่วนหนึ่งคงต้องตกเป็นของพวกคริสเตียนที่แกมีบ้านเรือนตั้งอยู่ในเขตบริการของโบสถ์คริสต์เหล่านั้น
แน่นอนที่เดียวการที่คนจะออกไปประกาศ มันต้องมีคนนำไป ต้องมีคนส่งเขาไป แต่โบสถ์คริสต์ปัจจุบันมีแห่งใดบ้างที่จ้างผู้ประกาศหลายๆ คน บ้างอ้างว่าการจ้างผู้ประกาศทำให้สิ้นเปลื้อง แต่คนที่อ้างอย่างนี้มันจะไม่มีโอกาสออกไปประกาศด้วยตนเองเกือบทั้งหมด เพราะพวกเขาต้องดิ้นรนหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเหมือนกัน
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ผมได้รู้จัก ได้บอกกับผมถึงสาเหตุที่กองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สองต้องพ่ายแพ้ อาจมีสาเหตุอยู่ 4 ประการ
คือ
1. ขาดการสื่อสารระหว่างศุนย์บัญชาการ กับกองทหารที่อยู่แนวหน้า
2. น้ำมันเติมรถถังส่งมาไม่เพียงพอ ไม่ทันเวลา ขาดๆ เกินๆ ตอนหลังไม่มีน้ำมันส่งมาเลย
3. ไม่มีกองกำลังทางอากาศสนับสนุน
4. ขวัญกำลังใจทหารไม่ดี ขาดเสบียงสนับสนุนอย่างรุ่นแรง
ถ้ากองทัพขาดสี่อย่างนี้ กองทัพใครไม่แพ้ก็คงเป็นกองทัพเทวดาเท่านั้นเมื่อได้ฟังดังนี้แล้ว ผมก็มานึกเปรียบเทียบดูกับ การรบฝ่ายวิญญาณของคริสเตียนผมตั้งคำถามว่า
1. แม่ทัพใหญ่ของคริสเตียนแต่ละค่าย รู้จักศัตรูและยุทธวิธีการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณดีพอหรือยัง
2. แม่ทัพแต่ละทัพ ทั้งทัพบก เรือ อากาศ สามัคคีกัน ทำงานสอดประสานกันดีหรือเปล่า
3. กองทัพคริสตชน ได้ฝึกฝนให้ ขุนศึก นายพันทั้งหลายรู้จักยุทธศาสตร์ หรือกลวิธีในการรบสงครามฝ่ายวิญญาณหรือเปล่า
4. ผู้นำกองทัพในแต่ละเหล่า สนับสนุนและสื่อสารอย่างชัดเจนกับกำลังในเขตควบคุมของตนเอง อย่างแม่นยำ ชัดเจนหรือเปล่า
5. กองทัพของคริสเตียนต้องการยึดครองดินแดนของพวกศัตรู โดยได้ส่งทหารออกไปรบ แล้วพวกทหารได้รับการแก้ปัญหา 4 ข้อที่ผมอ้างมาข้างบนหรือเปล่า
ข้อพระธรรมหนุนใจ โรม บทที่ 10
10:14 แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้
และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้
และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินอย่างไรได้
10:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน
และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระวจนะของพระเจ้า
ขอพระเจ้าอวยพระพรให้กองทัพของชาวคริสต์
สามารถร่วมมือกันเอาชนะในสงครามฝ่ายวิญญาณ
ให้ได้พื้นที่ในประเทศมากต่างๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น
RW MU. Feb 20, 2011
เขียนโดย
Evangelist Rice (RW-MU)
ป้ายกำกับ:
Deliverance-การปลดปล่อย
An Deaf ear healed in the Name of Jesus - Reewat
ตาคนนี้แกคงเจ็บปวดและรำคาญตัวเองกับเรื่องหูตึง ไม่ค่อยได้ยินเสียง หูแกข้างหนึ่งไม่ได้ยินเสียง หรือได้ยินเพียงนิดเดียวเป้นระยะเวลานานพอสมควร แกไม่เคยได้รู้จักพระเยซูตลอดชีวิตของแก แกก้ไหว้ผี ไหว้สาง ต้นไม้ ใบหญ้า และรูปภาพต่างๆ ไปอย่างนั้น เนื่องจากไม่มีใครไปบอกเรื่องพระเยซู ถ้าจะว่าเป็นความผิดของแกที่ทำอย่างนั้นก็คงไม่ใช่ ความผิดส่วนหนึ่งคงต้องตกเป็นของพวกคริสเตียนที่แกมีบ้านเรือนตั้งอยู่ในเขตบริการของโบสถ์คริสต์เหล่านั้น
แน่นอนที่เดียวการที่คนจะออกไปประกาศ มันต้องมีคนนำไป ต้องมีคนส่งเขาไป แต่โบสถ์คริสต์ปัจจุบันมีแห่งใดบ้างที่จ้างผู้ประกาศหลายๆ คน บ้างอ้างว่าการจ้างผู้ประกาศทำให้สิ้นเปลื้อง แต่คนที่อ้างอย่างนี้มันจะไม่มีโอกาสออกไปประกาศด้วยตนเองเกือบทั้งหมด เพราะพวกเขาต้องดิ้นรนหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเหมือนกัน
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ผมได้รู้จัก ได้บอกกับผมถึงสาเหตุที่กองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สองต้องพ่ายแพ้ อาจมีสาเหตุอยู่ 4 ประการ
คือ
1. ขาดการสื่อสารระหว่างศุนย์บัญชาการ กับกองทหารที่อยู่แนวหน้า
2. น้ำมันเติมรถถังส่งมาไม่เพียงพอ ไม่ทันเวลา ขาดๆ เกินๆ ตอนหลังไม่มีน้ำมันส่งมาเลย
3. ไม่มีกองกำลังทางอากาศสนับสนุน
4. ขวัญกำลังใจทหารไม่ดี ขาดเสบียงสนับสนุนอย่างรุ่นแรง
ถ้ากองทัพขาดสี่อย่างนี้ กองทัพใครไม่แพ้ก็คงเป็นกองทัพเทวดาเท่านั้นเมื่อได้ฟังดังนี้แล้ว ผมก็มานึกเปรียบเทียบดูกับ การรบฝ่ายวิญญาณของคริสเตียนผมตั้งคำถามว่า
1. แม่ทัพใหญ่ของคริสเตียนแต่ละค่าย รู้จักศัตรูและยุทธวิธีการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณดีพอหรือยัง
2. แม่ทัพแต่ละทัพ ทั้งทัพบก เรือ อากาศ สามัคคีกัน ทำงานสอดประสานกันดีหรือเปล่า
3. กองทัพคริสตชน ได้ฝึกฝนให้ ขุนศึก นายพันทั้งหลายรู้จักยุทธศาสตร์ หรือกลวิธีในการรบสงครามฝ่ายวิญญาณหรือเปล่า
4. ผู้นำกองทัพในแต่ละเหล่า สนับสนุนและสื่อสารอย่างชัดเจนกับกำลังในเขตควบคุมของตนเอง อย่างแม่นยำ ชัดเจนหรือเปล่า
5. กองทัพของคริสเตียนต้องการยึดครองดินแดนของพวกศัตรู โดยได้ส่งทหารออกไปรบ แล้วพวกทหารได้รับการแก้ปัญหา 4 ข้อที่ผมอ้างมาข้างบนหรือเปล่า
ข้อพระธรรมหนุนใจ โรม บทที่ 10
10:14 แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้
และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้
และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินอย่างไรได้
10:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน
และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระวจนะของพระเจ้า
ขอพระเจ้าอวยพระพรให้กองทัพของชาวคริสต์
สามารถร่วมมือกันเอาชนะในสงครามฝ่ายวิญญาณ
ให้ได้พื้นที่ในประเทศมากต่างๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น
RW MU. Feb 20, 2011
เขียนโดย
Evangelist Rice (RW-MU)
ป้ายกำกับ:
Deliverance-การปลดปล่อย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)